เรื่องเกี่ยวกับเห็ดทั้งหมด
แชร์บน facebook ของคุณ
เรื่องมาใหม่
- เพาะเห็ดโคนน้อยออนไลน์
- อบรมการทำก้อนเชื้อเห็ด
- ปัญหาระหว่างการผลิตแม่เชื้อ หัวเชื้อ และก้อนเชื้อเห็ด
- สรรพคุณของเห็ดหูหนูขาว
- สรรพคุณของเห็ดฟาง
- สารพิษจากเห็ด
- ฐานข้อมูลเชื้อรา
- เตาผลิตไอน้ำสำหรับโรงเรือนเพาะเห็ด
- กำหนดการอบรมเรื่องการทำฟาร์มเห็ดครบวงจร วันที่ 1 ธค 56
- โรคและปัญหาที่สำคัญในการเพาะเห็ดฟาง
- การป้องกันกำจัดแมลงศัตรูเห็ดที่ปลูกในโรงเรือน
- โรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อสาเหตุ
- โรคเห็ดจากเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
- โรคทีเกิดจากเชื้อรา
- วิธีทดสอบเห็ดมีพิษ
- ปัจจัยหลักที่เชื้อราต้องใช้ในการเจริญเติบโต
- ศัตรูทำลายไม้ยางพารา
- ชนิดของไม้
- รอบรู้เรื่องเห็ดพิษ
- การรับประกันก้อนเชื้อเห็ด
บทความเรื่องเห็ด
การกำจัดราเขียว,ไร ด้วยจุลินทรีย์ BS. และจุลินทรีย์ BT.
การกำจัดราเขียว,ไร ด้วยจุลินทรีย์ BS. และจุลินทรีย์ BT.
จุลินทรีย์ BS. เป็น แบคทีเรียสกุล บาซิลัส สายพันธุ์คัดเลือกแล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดเชื้อรา โรคพืชต่างๆ เช่น โรคราเขียว โรคราส้ม อีกทั้งยังมีผลกระตุ้นและเพิ่มผลผลิตหากนำไปใช้การเพาะเห็ด
วิธีทำ : นำมะพร้าวอ่อน 1 ผล มาเฉาะเปิดฝา ใส่เชื้อจุลินรีย์ BS. 1 ช้อนชา ลงไปในผลมะพร้าวอ่อน คนให้เข้ากัน ปิดฝาหมักไว้ในที่ร่มประมาณ 24 - 48 ชม.
วิธีใช้ : นำน้ำมะพร้าวที่หมักกับจุลินทรีย์ BS. 10 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วก้อนเชื้อให้เปียกชุ่มโชก ช่วงตอนเย็นติดต่อกัน 3 วันหลังจากแขวนก้อนเชื้อ
จุลินทรีย์ BT. เป็น ผลิตภัณฑ์จากจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ในกลุ่มแบคทีเรีย ที่ได้รับคัดเลือกว่ามีประสิทธิภาพสูง ในการป้องกันและกำจัดไรศัตรูเห็ด โดยเฉพาะไรไข่ปลา ซึ่งเป็นปัญหาในธุรกิจการเพาะเห็ดเพื่อการค้าปัจจุบัน
วิธีทำ : นำมะพร้าวอ่อน 1 ผล มาเฉาะเปิดฝา ใส่เชื้อจุลินรีย์ BT. 1 ช้อนชา ลงไปในผลมะพร้าวอ่อนคนให้เข้ากัน ปิดฝาหมักไว้ในที่ร่มประมาณ 24 - 48 ชม.
วิธีใช้ : นำน้ำมะพร้าวที่หมักกับจุลินทรีย์ BT. 10 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วก้อนเชื้อให้เปียกชุ่มโชกและบริเวณภายในโรงเรือน ช่วงตอนเย็นติดต่อกัน 3 วันหลังจากแขวนก้อนเชื้อ และฉีดทุก ๆ 5 -7 วัน/ครั้ง
 
 
การกระตุ้นเห็ดภูฐานด้วยฮอร์โมน
การกระตุ้นเห็ดภูฐานด้วยฮอร์โมน
การทำฮอร์โมนเร่งดอก
- ใช้นมสด (ตราเหยี่ยว) อัตรา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ ครึ่งลิตร ( 500 ซี.ซี)
ผสมนมสดและน้ำตาลทรายกวนให้เข้ากัน เติมน้ำครึ่งลิตร ใส่กระบอกน้ำฉีดพ่นที่ปากถุงเห็ด ฉีด 20 วันครั้ง หรือดูว่าผลผลิตเริ่มลดลง เช่น ดอกเล็ก ดอกผอม ใช้สลับร่วมกับการใช้น้ำหมักชีวภาพ ร่วมด้วยจะทำให้ตีนเห็ดโต ดอกโตและอวบขึ้น ยืดอายุการเก็บเห็ดเพิ่ม
การทำน้ำหมักชีวภาพ
- น้ำ 100 ลิตร
- อีเอ็ม 1 ลิตร
- กากน้ำตาล 2 ลิตรครึ่ง
นำทั้ง 3 ส่วนผลมเข้าด้วยกัน หมักนาน 15 วัน กวนทุกวันปิดปากถังให้มิด หลังจากนั้นเติมน้ำลงไปทุกวัน วันละ 5 ลิตรจนครบ 200 ลิตร นำเศษเห็ดที่เหลือ เช่น ตีนเห็ด เศษเห็ด ไปหมักในถังน้ำหมักชีวภาพ
วิธีใช้
ใช้น้ำหมักชีวภาพ 10 ลิตร ผสมน้ำ 10 ลิตร ( หากเข้มข้นเกินให้ปรับลดน้ำปุ๋ยหมักชีวภาพได้ตามความเหมาะสม ) ฉีด 2-3 วัน/ครั้ง ใส่กระบอกฉีดพ่นฝอยบริเวณปากถุง ไม่ควรฉีดใกล้ปากถุงเกินไป เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราชนิดอื่นตามมาได้
นางพวงรัตน์ คมกล้า นางสุภาพร สุวรรณกูล ผู้จัดทำข้อมูล
 
 
เพิ่มการผลิตเห็ดภูฏาน ระยะอากาศหนาวเย็น
วันที่ : 28 ธันวาคม 2550
หมวด เห็ด" กลุ่ม เห็ด นางรม
ขณะ ที่อากาศค่อนข้างร้อนการผลิตเห็ดขอนขาว และเห็ดกระด้างจะได้ผลดีกว่าเห็ดภูฏานซึ่งมีถิ่นกำเนิดในที่หนาวเย็นกว่า ประเทศไทย ส่วนฤดูร้อนและฤดูฝน การผลิตเห็ดนางรมขาวหรือนางรมฮังการีจะดีกว่าเห็ดภูฏานที่บางครั้งแทบไม่ เกิดดอกเห็ดเลย ดังนั้นการวางแผนการผลิตโดยทำตารางกำหนดงาน หรือปฏิทินการผลิตเห็ดแต่ละชนิดให้สอดคล้องกับฤดูกาลจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่ น้อยไปกว่าผลิตเห็ดอะไรขายให้ใคร
เห็ดภูฏานมีชื่อเต็มๆ ว่าเห็ดนางฟ้าภูฏาน มี 2 สายพันธุ์คือดำกับขาว(หรือครีม) เพาะโดยใช้ขี้เลื่อยแบบเดียวกับการเพาะเห็ดถุงทั่วไป เช่น เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดยานากิ เห็ดกระด้าง เห็ดขอน เห็ดหอม ฯลฯ เกิดดอกเห็ดได้ดีในเดือนพฤศจิกายน? ธันวาคม มกราคม ถ้าปีใดหนาวเร็วก็นับเดือนตุลาคมด้วย และปีใดหมดหนาวช้าก็อาจนับเดือนกุมภาพันธ์ด้วย ภาคเหนือและอีสานอากาศเย็นกว่าจึงผลิตเห็ดได้มากกว่า แต่กรุงเทพฯ เป็นตลาดใหญ่กว่า รับสินค้าได้มากกว่า เมื่อเข้าเดือนตุลาคม การผลิตถุงเชื้อเห็ดก็ควรลดเห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เห็ดภูฏานขาว ให้น้อยลงแล้วเพิ่มการผลิตเห็ดนางฟ้าภูฏานดำเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามความหนาวในภาคกลางไว้ใจไม่ได้ จึงไม่ควรทุ่มเทผลิตแต่นางฟ้าภูฏานดำทั้ง 100% บางปีมีร้อนสลับหลายวันที่เห็ดไม่เกิดดอก แต่ถ้าเราผลิตถุงเชื้อเห็ดนางรม เห็ดนางฟ้าภูฏานขาวได้สัก 20-30% เห็ดจำนวนนี้จะเกิดดอกให้พอเก็บขายได้เงินบ้างแม้จะร้อนจนเห็ดนางฟ้าภูฏานดำ ไม่สร้างดอกเห็ดก็ตาม
ที่มา : ชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรอ่านเพิ่มเติม...
 
 
ไรศัตรูเห็ดนางฟ้า :กำจัดด้วยจุลินทรีย์ที่ชัยนาท
วันที่ : 02 มกราคม 2551
หมวด เห็ด" กลุ่ม เห็ด นางฟ้า
คุณ ศรัญ พรหมอินทร์ อยู่ที่ 100 หมู่ 3 ต.สามง่ามท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ทำอาชีพเพาะเห็ดนางฟ้า เมื่อเปิดปากถุงเพื่อให้เกิดดอกเห็ด พบว่าไรเห็ดลงกินเส้นใยเห็ดในถุงจนเห็นสีของขี้เลื่อยสีน้ำตาลแดงมากกว่าสี ขาวของเส้นใยเห็ด ชาวบ้านที่เพาะเห็ดมักเรียกว่าไรแดง ซึ่งเป็นชื่อที่ผิด แต่นักปลูกเห็ดจะเข้าใจดี ตัวไรยังตามเกาะกินที่ดอกเห็ด ทำให้ดอกเห็ดหงิกงอ ขนาดเล็กกว่าปรกติ ผลผลิตรวมลดลงมาก จึงปรึกษาไปที่ชมรมเห็ดขอนแก่น? เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาโดยไม่ใช้สารพิษจำพวกยาเคมี
จากนั้นจึงหมักขยาย เชื้อจุลินทรีย์กำจัดไร คือ บาซิลลัส ไมโตฟากัส (ชื่อใช้อย่างไม่เป็นทางการ) คือใช้เชื้อ 10 กรัม ใส่ในน้ำ 20 ลิตร เติมนมข้นหวาน 1 กระป๋อง เติมอากาศโดยใช้ปั๊มลมแบบที่ใช้ในการเลี้ยงปลาสวยงามในตู้ปลา เอาหัวทรายวางไว้กลางกะละมังให้มีฟองอากาศเกิดตลอดเวลานาน 36-48 ชม. ก่อนนำไปใช้ เติมน้ำเปล่าเพิ่มได้อีก 40 ลิตร นำไปฉีดพ่นทั้งดอกเห็ดเล็ก ฉีดพ่นเข้าปากถุง บนชั้นวางก้อนเชื้อ บนพื้นดิน ผนังโรงเรือน ทำ 4-7 วันครั้ง พบว่าสามารถควบคุมมิให้ไรระบาดได้ นักวิชาการอธิบายว่าเชื้อจุลินทรีย์ชนิดนี้สามารถผลิตน้ำย่อยชื่อ ไคตินเนส ทำให้ผนังลำตัวของไรอ่อนแอลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอ่อนของไรมีขนาดเล็กมักเดินเบียดเสียดไปมาช่วยแพร่ เชื้อออกไป ทำให้ไรลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเชื้อไม่มีผลเสียต่อเห็ด เห็ดจึงกลับมาสร้างดอกได้ดีอีก
ที่มา : ชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรอ่านเพิ่มเติม...
 
 
วันที่ : 05 มกราคม 2551
หมวด เห็ด" กลุ่ม เห็ด นางฟ้า
ถาม ผมเริ่มเพาะเห็ดนางฟ้าเป็นครั้งแรก 2,000 ก้อน ซื้อก้อนเชื้อเขามา หลังจากเก็บดอกเห็ดรุ่นแรกไปแล้ว พอเริ่มเกิดดอกเห็ดรอบสองก็มีแมลงตัวเล็กๆ บินได้ตรงกลางตัวคอดหน่อย ถ้าเขามาเกาะดอกเห็ดตอนเช้า พอตอนเย็นดอกเห็ดก็จะเหี่ยว จะเป็นการดูดกินน้ำเลี้ยงจากดอกเห็ดใช่หรือไม่ แก้ปัญหานี้ได้อย่างไร? แมลงอะไรบ้างที่ทำลายเห็ดได้รวดเร็ว รอบแรกดอกเห็ดไม่ถูกทำลายเลย แมลงนี้ขยายพันธุ์ที่ไหน (ผู้ปลูกเห็ดมือใหม่ วังทอง พิษณุโลก)
ตอบ แมลงนี้เป็นแมลงอะไรตอบทันทีคงไม่ได้ แต่แมลงที่ทำลายเห็ด หรือมากินเห็ดอาจขยายพันธุ์ในมูลสัตว์ ในฟาร์มที่เริ่มผลิตเห็ดแมลงจะไปขยายพันธุ์ที่เศษเห็ดซึ่งตัดแต่งออกมาก่อน ส่งเห็ดไปขาย ควรต้องเก็บเศษเห็ดมิชิดหรือขนไปไกลฟาร์มเพื่อเป็นการตัดวงจรแมลง ถ้าทิ้งที่เดียวกันทุกวันไม่ช้าก็เป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์แมลงศัตรูเห็ด ส่วนใหญ่แมลงเหล่านี้วงจรชีวิตสั้น จึงขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนได้เร็ว เห็ดที่ถูกแมลงไปตอมอาจถูกวางไข่เกิดตัวหนอนกินในไส้ดอกเห็ด ไม่เหมาะต่อการขาย ก็เก็บทิ้งรวมกับเศษเห็ด ยิ่งเป็นการเพาะขยายพันธุ์แมลง ควรหมักขยายพันธุ์เชื้อบีที 1 ช้อนชาต่อน้ำมะพร้าวอ่อน 1 ผล ครบ 24 ชั่วโมง ผสมน้ำเปล่า 20 ลิตร ฉีดที่ดอกเห็ด ระยะแมลงมีมาก 3-4 วัน/ครั้ง พอแมลงน้อยก็ยืดเป็น 5-7 วันครั้งได้ เชื้อนี้ไม่อันตรายต่อคนแต่ฆ่าหนอนของแมลงได้ดี มีบริการเชื้อทางไปรษณีย์? ควรต้องทำควบคู่กันเพราะแมลงไม่ได้มาจากเศษเห็ดอย่างเดียว จากมูลโคกระบือในพื้นที่ใกล้เคียงก็ได้ จึงควรฉีดพ่นบีทีกำจัดหนอนด้วย แต่ต้องหมักบีทีเองก่อน 24 ชม.
ที่มา : ชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรอ่านเพิ่มเติม...
 
 
การทดลองเพาะเห็ดนางรม นางฟ้า โดยคลุมหน้าถุง
การทดลองเพาะเห็ดนางรม นางฟ้า โดยคลุมหน้าถุง | ||
วันที่ : 02 มกราคม 2551 | ||
หมวด เห็ด" กลุ่ม เห็ด นางฟ้า | ||
การ เพาะเห็ดเมืองหนาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือแชมปิญอง จะเพาะโดยมีการใช้ดินผสมหรือพี้ท(ถ่านหินร่วน) คลุมผิวแปลงวัสดุเพาะเห็ดที่เส้นใยเห็ดเจริญเต็มที่แล้ว พร้อมต่อการที่จะทำให้เกิดดอกเห็ด การคลุมแปลงเห็ดแบบนี้เรียกว่า เคสซิ่ง และดินที่ใช้คลุมก็จะเรียกว่าเคสซิ่งซอยล์ (Casing Soil) ตั้งแต่ดั้งเดิมนั้นใช้ดินร่วน ถ้าไม่ร่วนก็ทำให้ร่วนโดยใช้ยิบซั่ม ถ้าดินเป็นกรดมีค่าพีเอชต่ำเกินไปก็ให้เติมหินปูนบดแล้วปรับจนได้พีเอ ชประมาณ 7.0 หรือไม่เกิน 8.0 ซึ่งพอใช้งานมีการรดน้ำค่าพีเอชจะลดลงมาอีก 1 เหลือที่ 6.0-7.0 ซึ่งถือว่าดีพอ | ||
ในต่างประเทศได้พัฒนา ดินคลุมแปลงเห็ดมาเรื่อยๆ จนในที่สุดมักลงเอยที่ใช้พี้ท 10 ส่วน หินปูนบด 1 ส่วน ยิบซั่ม 1 ส่วน ในไทยนั้นการใช้ระบบเคสซิ่ง แต่เดิมทำกับแชมปิญอง ที่เพาะปลูกในฤดูหนาว โดยใช้ดินจากภูเขาไฟผุในภาคเหนือ ที่ใช้กับเห็ดถุงเคยใช้แต่กับเห็ดเป๋าฮื้อ การใช้ดินคลุมทำให้ต้องวางเห็ดถุงในแนวตั้ง แต่การเพาะเห็ดถุงในไทยนิยมวางถุงแนวนอนแบบใช้ชั้นวางถุงรูปตัวเอ (A) จึงใช้คลุมผิวไม่ได้ อาจารย์สมาน ชินเบญจพล ข้าราชการบำนาญ มช. เคยเพาะเห็ดนางรม แล้วเคสซิ่งหรือกลบดิน เห็ดออกรุ่นแรกเป็นช่อใหญ่ได้ 300-400 กรัม แล้วยังออกได้หลายรอบ <br />ในหนังสือการเพาะเห็ดเป็นอาหารเสริมและเป็นยาของสตาเม็ทส์ กล่าวถึงเห็ดที่ตอบสนองต่อการปลูกแบบคลุมดินคือเห็ดแชมปิญอง หลินจือ เห็ดถั่วเน่า(คอพรินัส) และเห็ดโคนญี่ปุ่น สวนเห็ดดอนปรูเคยทดลองแล้วถือว่าได้ผลดี ปัจจุบันทดลองเคสซิ่งกับเห็ดนางรม นางฟ้า โดยทำทั้งฉีดเชื้อพลายแก้ว 3 ครั้ง และเคสซิ่งร่วมด้วย นับว่าได้ผลผลิตสูงเป็น 2-3 เท่าของการเพาะแบบโรงเรือนชั้นตัวเอ (วิเชียร ธาตุงาม 089-9410194) ในอนาคตจะทำการทดลองกับเห็ดโคนญี่ปุ่นซึ่งราคาสูงกว่า | ||
ที่มา : ชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร |
 
 
ปัญหาที่พบบ่อยและการ แก้ไข (เห็ดนางฟ้าภูฏาน,นางรม,ฮังการี,เป๋าฮื้อ)
ปัญหาที่พบบ่อยและการ แก้ไข (เห็ดนางฟ้าภูฏาน,นางรม,ฮังการี,เป๋าฮื้อ) | ||
วันที่ : 10 กันยายน 2552 | ||
หมวด เห็ด" กลุ่ม เห็ด นางฟ้า | ||
1.ปัญหาหน้าถุงเห็ดเหลืองและเน่า สาเหตุ น้ำเข้าถุงเห็ด การแก้ไข ใช้มีดกรีดเล็ก ๆ ใต้ขอบถุงเพื่อระบาย น้ำออกแล้วเอาเห็ดที่เน่าออกให้สะอาด 2.ปัญหา เห็ดดอกแรกเหี่ยวแห้งเหลือ สาเหตุ แคะหน้าถุงแล้วขี้เลื่อยแตกทำให้ เส้นใยประสานกันช้า ความชื้นในโรงเรือนน้อย การแก้ไข เก็บดอกที่เหี่ยวทิ้ง เพิ่มความชื้นในโรงเรือนโดยการรดน้ำ แก้ไขโรงเรือนอาจมีลมโกรกมากไป 3.ปัญหา ดอกเห็ดเน่าเปียกและเหลือง สาเหตุ ความชื้นในโรงเรือนมากเกินไป อากาศในโรงเรือนไม่ถ่ายเท การแก้ไขลดการให้น้ำภายในโรงเรือน ถ้าดอกเห็ดภายในโรงเรือนบาน เป็นส่วนใหญ่ควรรดน้ำน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ เพื่อป้องกันน้ำขังบน ดอกและทำให้เน่าเหลืองได้ ปรับทิศทางระบายอากาศภาย ในโรงเรือนเพื่อให้มีการถ่ายเทที่ดีขึ้น ในเวลากลางคืนให้เปิดประตูโรงเรือน เพื่อไล่ความชื้นและอากาศเก่าออก | ||
4.ปัญหา ภายในโรงเรือนอบอ้าว สาเหตุทิศทางระบายอากาศไม่ดี การแก้ไข เปิดหรือปรับช่องระบายอากาศของโรงเรือน ปัญหาแมลงสาบบุก ผู้เพาะเห็ดมือใหม่ อาจพบปัญหา แมลงสาบมาแทะกินดอกเห็ด อาจมีเพียงเล็กน้อย ดอกเห็ดแหว่ง ไม่สวย ขายไม่ได้ราคา แต่บางรายปลูกเรือนเพาะเห็ดใกล้ท่อระบายน้ำ เวลาเห็ดออกดอกอาจมีแมลงสาบเข้ามาเป็นฝูง อาจกัดกินเห็ดจนโกร๋นเหลือแต่ก้านดอก การป้องกันกำจัดแมลงสาบทำได้หลายวิธีร่วมกัน ควรทำตั้งแต่เริ่มมีปัญหาเพียงเล็กน้อย อย่ารอให้ปัญหาใหญ่ หรือแมลงสาบขยายพันธุ์จนมีมาก เมื่อพบร่องรอยการกัดแทะดอกเห็ดให้สำรวจ ว่าแมลงสาบหลบซ่อนที่ใด เข้ามาสู่บริเวณที่ดอกเห็ดอย่างไร หากไต่ขึ้นทางต้นเสาอาจใช้กาวสองหน้าติดรอบเสา ซึ่งจะทำลายหนวดและขาของแมลงสาบได้จำนวนหนึ่ง ถ้าแมลงสาบเข้ามาโดยการบิน ให้เลือกจุดที่เหมาะสมให้แมลงเข้าเรือนเพาะเห็ดเห็นได้ง่าย จุดนี้ติดตั้งหลอดแบล็คไลท์ เปิดไฟเวลากลางคืนใช้กะละมังใส่น้ำใส่สารลดแรงตึงผิวของน้ำ เช่น ALS 29 หรือผงซักฟอก เพื่อให้แมลงมาเล่นไฟแล้วตกน้ำ จมน้ำตายได้ง่ายขึ้น หากสามารถหากรงดักแมลงสาบมา ใช้ได้ก็ควรนำมาใช้ด้วย เส้นทางออกจากที่ซ่อนจะมาก้อนเห็ดนั้นควรมี ถาดเหยื่อพิษวางไว้ให้แมลงสาบกิน ก็ลดแมลงสาบได้อีกส่วนหนึ่ง แมลงสาบยังถูกล่อได้ด้วยกลิ่นที่ใช้ล่อแมลงอื่นๆ เช่น กลิ่นล่อแมลงวันผลไม้ เป็นต้น แม้ขวดน้ำอัดลม ขวดเหล้าเบียร์ มีเศษ เหลือตกค้าง จับวางทางตั้งเติมน้ำ 1 ใน 3 ของขวดตั้งไว้ แมลงสาบจะเข้าไปสำรวจจมน้ำในขวดขึ้นมาไม่ได้ สัตว์ที่กินแมลงสาบได้ดีในธรรมชาติ คือ ต๊กโต (ตุ๊กแก) ซึ่งจะตามกลิ่นสาบไปและจับแมลงสาบกิน ผู้เพาะเห็ดจึงไม่ควรรังเกียจเสียงร้องและ รูปร่างของสัตว์ที่กินแมลงสาบและแมลงอื่น การมีต๊กโตจะช่วยลดจิ้งจกให้น้อยลงด้วยส่วนหนึ่ง และลดหนูขนาดเล็กๆ ลงไปด้วย | ||
ที่มา : อาจารย์ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติ, ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |
 
 
กระตุ้นเห็ดนางฟ้า นางรมให้ออกดอกพร้อมกัน โดยการงดน้ำ
กระตุ้นเห็ดนางฟ้า นางรมให้ออกดอกพร้อมกัน โดยการงดน้ำ | ||
วันที่ : 19 ตุลาคม 2552 | ||
หมวด เห็ด" กลุ่ม เห็ด นางฟ้า | ||
เรื่อง ของการเพาะเห็ดนั้น กล่าวได้ว่าขึ้นอยู่กับอัธยาศรัยของผู้เพาะโดยแท้ นอกจากเกษตรกรจะสามารถเลือกชนิดเห็ดที่ชอบ ระยะเวลา ปริมาณที่เพาะได้ตามความสมัครใจ และความพร้อมได้แล้ว เกษตรกรบางรายยังเลือกที่จะบังคับให้เห็ดทะยอยออกดอกให้ได้เก็บทุกวัน เพื่อให้ได้เงินทุกวันและไม่ให้ล้นตลาด ในขณะที่เกษตรกรอีกคนอาจเลือกที่จะบังคับให้เห็ดออกดอกเป็นชุดๆ พร้อมๆกัน เพื่อให้เก็บได้คราวละมากๆ จะได้ไม่เสียเวลา และใช้วิธีหมุนเวียน(กรณีมีก้อนเห็ดมาก) ส่วนวิธีการบังคับดอกนั้น เฉพาะเห็ดนางฟ้า- นางรม ทำได้หลายวธีทั้งใช้ปุ๋ย ฮอร์โมน แต่ขอเล่าให้ฟังเฉพาะวิธีงดน้ำ | ||
1.วิธีการนี้ใช้ได้กับ เห็ด ตระกูลนางฟ้า-นางรมเท่านั้น 2.ใช้วิธีการนี้หลังจากเก็บเห็ดรุ่นแรกแล้ว(ซึ่งเห็ดรุ่นแรกมักจะออกดอก พร้อมกันอยู่แล้ว) 3.หากอยากให้เห็ดทะยอยออกดอกทุกวัน ก็ใช้วิธีรดนำให้ความชื้นสมำเสมอทุกวัน ก้อนเห็ดจะรัดตัว และเมื่อพร้อมก็จะทะยอยออกดอกให้ได้เก็บทุกวัน มากบ้าง น้อยบ้าง 4.หากอยากให้ออกดอกเป็นชุด หลังจากเก็บดอกเห็ดชุดแรกเสร็จ ให้ทำความสะอาดหน้าเห็ด หากพบรากเห็ด หรือโคนเห็ดถูกดึงออกไม่หมดติดค้างอยู่ที่คอขวด ให้ใช้ช้อนแคะออกให้หมด จากนั้นงดให้นำเห็ดนางรม-นางฟ้า เป็นเวลา 4-7 วัน หากในระยะ 4-5 วันแรกมีเห็ดแทงดอกให้แคะทิ้ง หรือปล่อยให้ดอกเห็ดแห้ง ห้ามใจอ่อนรดน้ำเด็ดขาด เมื่อถึงวันที่ 6-7 หรือหากเป็นพันธุ์หนัก วันที่ 9-10 จะเกิดตุ่มดอกเห็ดชุดใหม่ทะยอยเกิดขึ้นพร้อมๆกัน ให้เริ่มรดนำให้ความชื้น และอาจกระตุ้นให้ความสดชื่นโดยการใช้เครื่องดื่มชูกำลังที่มีขายทั่วไป อัตรา 1 ขวด ผสมนำ 20 ลิตร ฉีดพ่น หลังให้นำครั้งแรก เห็ดจะออกดอกใด้สมำเสมอยิ่งขึ้น (ห้ามใช้ปุ๋ยเคมีนะครับ เห็ดจะออกดอกครั้งเดียวแล้วหายไปเลยเพราะเสียกำลัง) เท่านี้เห็ดนางฟ้า-นางรมของท่านก็จะออกดอกพร้อมกันเป็นชุดๆแล้ว | ||
 
 
เรื่องที่มีคนอ่านมากที่สุด
- การเปิดดอกเห็ดสำหรับมือใหม่ (เห็ดภูฐาน นางฟ้า เป๋าฮื้อ ยานางิ นางนวล ฮังการี หลินจือ หัวลิง)
- ปัญหาที่พบบ่อยและการ แก้ไข (เห็ดนางฟ้าภูฏาน,นางรม,ฮังการี,เป๋าฮื้อ)
- การกำจัดราเขียว,ไร ด้วยจุลินทรีย์ BS. และจุลินทรีย์ BT.
- ราคาสินค้าเกษตร
- กระตุ้นเห็ดนางฟ้า นางรมให้ออกดอกพร้อมกัน โดยการงดน้ำ
- หลักในการเพาะเห็ด
- โรงเรือนเพาะเห็ด
- การทดลองเพาะเห็ดนางรม นางฟ้า โดยคลุมหน้าถุง
- การกระตุ้นเห็ดภูฐานด้วยฮอร์โมน
- เห็ดนางฟ้า : แมลงรบกวนดอกเห็ด
เห็ดที่ต้องการเพาะ
สรรพคุณของเห็ดหลินจือ







สารสำคัญที่พบในเห็ดหลินจือกว่าร้อยชนิด มีสรรพคุณที่สำคัญทางการแพทย์ได้แก่
1. ฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยการส่งเสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารต้านมะเร็ง ในญี่ปุ่นมีการใช้เห็ดหลินจือควบคู่กับเคมีบำบัดในการรักษาโรคมะเร็ง ช่วยแก้พิษจากรังสี, คีโม เช่น ท้องเสียอักเสบจากการฉายรังสี, เม็ดเลือดขาวต่ำจากคีโม, อาการปวดจากพิษบาดแผล
Shock Therapy คืออะไร
เข้า ใจว่ากลไกการตายของเซลล์มะเร็งแบบที่เรียก Apoptosis คือ เซลล์ตายไปเอง น่าจะเกิดจากเซลล์ช็อคสลบไป (Dormant) ?เหตุที่ลดมาก เพราะศักย์ไฟฟ้า (ORP) ลดลงมาก?เหตุที่ลดมากเนื่องจากฤทธิ์ของ e จากวงนอกของ Ge atom
นักวิจัยพบว่า Ge ในหลินจือมีโครงสร้างพิเศษที่จะดึงซับ e ทำให้ ORP หรือศักย์ไฟฟ้าเปลี่ยนไป?ดูเหมือนว่าไม่มีกลไกนี้ในยาแผนปัจจุบัน
กลไก กำจัดเซลล์มะเร็งนั้น Ge จะเข้าไปจับคู่กับ e ที่ผลิตออกมาจากผนังเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในระยะของการแบ่งตัว ทำให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวไม่ได้
บางตำราก็อธิบายว่า 4e วงนอกของ Ge atom ไปปรับศักย์ไฟฟ้าที่ผนังเซลล์มะเร็ง ทำให้สนามแม่เหล็กรอบเซลล์มะเร็งอ่อนลง เม็ดเลือดขาวกลืนกินจึงเข้าถึงตัวเซลล์มะเร็งได้
การจะลด e ปรับศักย์ไฟฟ้าก็ต้องใช้ e มากพอสมควร?ก็ต้องใช้ปริมาณ Ge มากพอควร จึงจะต่อสู้กับเซลล์มะเร็งจำนวนมากได้?จึงจะทำให้เซลล์มะเร็งช็อคได้?เป็นคำ ตอบว่าทำไมต้องกินหลินจือสกัดในระยะเริ่มรักษามะเร็งวันละ 60 เม็ด
คำตอบ คือ ต้องการฤทธิ์แบบ Shock Therapy นั่นเอง
เมื่อเปรียบเทียบกลไกต้านมะเร็งของแต่ละกลุ่มสารออกฤทธิ์ในหลินจือแล้ว พอจะสรุปได้ว่า
กลูแคนหรือโพลีแซคคาไรด์ เพิ่มความแข็งแกร่งของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น เม็ดเลือดขาวกลืนกินแมคโครฟาจ
ไตรเตอร์พีนอยด์ ขัดขวางขบวนการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งกำจัดตัวเองตายไปคล้ายยาเคมีบำบัด แต่ปลอดภัยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน
Organic Germanium ใช้ e ปรับศักย์ไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็กที่เซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งช็อคตาย หรืออ่อนแรงจนภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าไปกลืนกินทำลายได้
ทั้งไตรเตอร์พีนอยด์ และ Ge ยังเป็นตัวให้ O2 แก่เซลล์หรือช่วยให้เซลล์ประหยัดการใช้ O2มีผลให้มี O2 เหลือใช้ ทำให้ pH เลือดเป็นด่าง อันเป็นภาวะที่เซลล์มะเร็งไม่ชอบเจริญเติบโต
ใช้ขนาดไหน?
ใน หนังสือหลิงจือกับข้าพเจ้า กล่าวว่า การรักษามะเร็งด้วยหลินจือนั้นต้องกินแบบ Shock therapy คือ เริ่มด้วยขนาดสูง เช่น หลินจือสกัดวันละ 60 เม็ด หรืออย่างน้อย 20 เม็ด/วัน เพื่อผลการปรับศักย์ไฟฟ้า อย่าลืมว่าระดับความปลอดภัยของหลินจือมีสูงมาก
ส่วนขนาดปกติสำหรับบำรุงร่างกายนั้นน่าจะเป็น 1 แคปซูล พร้อมวิตามินซี 500 มก.
2. ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด
3. ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมอาการเบาหวาน
4. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดอาการภูมิแพ้ หอบหืด
5. ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันในสมองและหัวใจ
6. ยับยั้งเชื้อไวรัสในเซลเพาะเลี้ยง เช่น ไวรัสโรคเอดส์ อีสุกอีใส งูสวัด
7. บำรุงและป้องกันตับ มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างพังผืดในโรคตับแข็ง ป้องกันตับจากสารพิษ ช่วยให้ใยแผลเป็นอ่อนนิ่มคลายตัว ไม่ไปรัดเส้นเลือดและเนื้อเยื่อตับ อีกทั้งยังกระตุ้นให้ตับสร้างเซลล์ใหม่
รักษาโรคตับอักเสบ สามารถลดค่า SGOT และ SGPT ที่สูงเกินมาตรฐานในเลือด
ช่วยเซลล์ตับฟื้นฟูสภาพตับเป็นไขมัน (fatty liver)
8. ผ่อนคลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยให้นอนหลับสนิท
9. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
อย่า ลืมว่า กลูแคนในหลินจือแบบทา ยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเฉพาะที่ เมื่อผสานกับการได้สารอาหารโดยรับประทาน น่าจะเสริมแรงแข็งขันในการช่วยให้ผิวเนียน สดใส ชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย
10. จากทฤษฏีประหยัดออกซิเจน ใช้แก้โรคป่วยบนที่สูง?หูอื้อ..อึด
ทฤษฎีประหยัดออกซิเจน
การมีสารที่ช่วยทำหน้าที่แทน O2 ในการทำความสะอาดขจัดของเสีย ไฮโดรเจนในร่างกาย ยังผลให้ความต้องการที่จะใช้ O2 ของร่างกายลดน้อยลง
ในขณะเดียวกันก็มีการให้ O2 (O2Supply) เพื่อจะใช้เป็นเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้น
ผลพลอยได้ คือ ทำให้ O2 สำรองในเนื้อเยื่อ (Tissue Oxygen reserve ) มีมากขึ้นด้วย
แล้ว หลินจือช่วยได้อย่างไร??พบว่าเยอมาเนียม เป็นธาตุที่ทำปฎิกิริยากับ Hydrogen แล้วขจัดมันออกจากร่างกายได้?ความหมายคือ Geในหลินจือขจัดของเสีย H2 แทนO2 ได้ ทำให้มี O2เหลือใช้ถึง 30%
ผลจากการนี้ทำให้อธิบายได้ ว่าทำไมหลินจือช่วยรักษาโรคหัวใจล้มเหลว เส้นเลือดหัวใจตีบ ถุงลมโป่งพอง อาการป่วยบนที่สูง หรือทุกโรคที่สาเหตุจากการขาด O2
Ge ยังเป็นตัวกระตุ้นให้เม็ดเลือดแดง รับออก ซิเจนได้มากกว่าเดิม อย่างน้อย 1.5 เท่า ทำให้เลือดและเซลล์มี O2 เพิ่มขึ้น
ปกติอาหารที่ถูกสันดาปหรือเผาผลาญ ล้วนก่อประจุบวกของ H ทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรด ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ปกติ
หาก ได้ O2 หรือ Mg มาทำปฎิกิริยาประจุบวกของ H ? น้ำ (H2O) ซึ่งไม่เป็นพิษ Ge จะช่วย O จับกับประจุบวก H สร้างความสมดุลไฟฟ้า กับขจัดภาวะเป็นกรดออกไป ทำให้เลือดมี O คงเหลือเป็นจำนวนมาก ที่จะใช้บำรุงเซลล์ และต่อต้านเซลล์มะเร็ง ซึ่งเราทราบว่า เซลล์มะเร็งไม่ชอบ O2 คือไม่ชอบเติบโตในที่ที่มี O2 หรือที่ดร.วอร์เบิก สรุปว่า การขาดออกซิเจนในระดับเซลล์ เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง
11. ช่วยรักษาโรคไตเรื้อรังบางชนิด โดยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตให้ดีขึ้น จากฤทธิ์สลายใยแผลเป็น (fibrosis scar)
ฤทธิ์ ต้านพังผืดหดยึด ช่วยให้เซลล์ไตดีขึ้น อันนี้มีรายงานของรศ.พญ.นริสา ฟูตระกูล แห่งคณะแพทย์จุฬา ส่งฤทธิ์เสริมบำรุงไต โดยสามารถลดปริมาณไข่ขาวรั่ว ในโรคไตเรื้อรังอย่างมีนัยยะสำคัญ แตกต่างไปจากการรักษาทั่วไปที่ทำได้ดีที่สุด แค่ชะลอการตายของเนื้อไปให้ช้าลงเท่านั้น
หลายรายมีผลช่วยลดอัตรา การล้างไต หรือเลิกล้างไตได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องร่วมกับการควบคุมอาหารพิษประจำวัน เช่น โปรตีน ไขมัน น้ำตาล กรดต่างๆ ด้วย
ทฤษฎีใยแผลเป็น นพ.บรรเจิด ตันติวิท บรรยายไว้ว่า เมื่ออวัยวะหรือเนื้อเยื่อถูกทำลาย ด้วยการบาดเจ็บอักเสบ สารพิษหรือการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย ก็จะถูกซ่อมแซมด้วยเส้นใย หรือ fibrous tissue ยังผลให้เกิดเป็นแผลเป็น (scar) ซึ่งบางครั้งใยแผลเป็น ทำให้เกิดปัญหามากมายต่อการทำงานของร่างกาย หลิงจือสามารถช่วยละลายเส้นใย ทำให้ใยแผลเป็นอ่อนนิ่มและหดตัวเล็กลง จึงมีศักยภาพสูงที่จะใช้ในการรักษาโรคหลายโรคที่มีสาเหตุจากใยแผลเป็น
คำว่า ใยแผลเป็นหรือ fibrous scar บางตำราอาจเรียกว่า พังผืดหดยึด หรือการเกิดพังผืดรัดภายหลัง การเกิดบาดแผล เป็นต้น
เมื่อ เกิดการอักเสบหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุไฟไหม้ หรือฉายแสงรังสี เซลล์หรือเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะไม่งอกใหม่ ร่างกายจะนำเส้นใยมาซ่อมแซม ผลก็คือ เป็นแผลเป็น
ภายในร่างกายก็มีแผลเกิดได้ ไม่ว่าที่กล้ามเนื้อ ตับ ไต สมอง ฯลฯ
ใย แผลเป็นยิ่งนานก็จะยิ่งแข็งและหดตัว เกิดการรัด ดึง เบียด บีบให้เนื้อเยื่อดีๆ เสียรูปทรงได้ จนทำให้อวัยวะไม่สามารถทำงานตามปกติได้ เช่นที่ลำไส้ก็อาจดึงรั้งจนอุดตัน ที่สมองก็อาจทำให้เป็นลมชักได้
ยา แก้มีไหม?อย่างหนึ่ง คือ สเตียรอยด์ ตัวอย่างที่ใช้ฉีดเข้าไปในแผลเป็นนูน Keloid แต่แผลภายในร่างกายจะฉีดสเตียรอยด์เข้าไปได้อย่างไร?ถ้าใช้การกินก็ต้องใช้ ขนาดสูง ผลคือ พิษต่อระบบต่างๆ ของร่างกายกลายเป็นเสียมากกว่าได้
สเตียรอยด์ ธรรมชาติจึงเป็นคำตอบ?
หลิน จือสกัดจึงเป็นคำตอบ เพราะหลินจือมี สเตียรอยด์ธรรมชาติ เป็นสารสมุนไพรระดับดีหนึ่ง ซึ่งไม่พบพิษข้างเคียงเหมือนสเตียรอยด์สังเคราะห์
ปัญหาหมอนรองกระดูกแตก แล้วเกิดใยแผลเป็นดึงรั้งกระดูก หรือเส้นรอบบริเวณไปกดบีบรัดเส้นประสาท ก็ผ่อนคลายได้ด้วยทฤษฎีใยแผลเป็น
จึงเป็นทฤษฎีที่อธิบายกลไกว่า ผลจากหมอนรองกระดูกแตกกดทับเส้นประสาททุเลาขึ้นได้ด้วยหลินจือสกัด
ปัญหา ถุงลมโป่งพอง โรคแห่งความเสื่อมที่เกิดจากมลพิษบุหรี่ จนเกิดใยแผลเป็นเต็มปอด ทางแพทย์อาจแก้อาการด้วยสเตียรอยด์ หลินจือจึงช่วยได้ทั้งโดยทฤษฎีใยแผลเป็น และทฤษฎีประหยัดออกซิเจน
ในคศ.1995 คณะแพทย์ม.โอ๊คแลนด์ ได้รายงานว่า Ge ชะลอการเกิดต้อกระจก(cataract ) อีกด้วย
จับ โลหะหนัก สิ่งที่เป็นความหวังนอกเหนือจากกรดแอลฟาไลโปอิคแล้ว Ge ก็มีคุณสมบัติกำจัดโลหะหนักเป็นพิษ (Chelation) เช่น โรคปรอทเป็นพิษ
ที่มีของความรู้นี้มาจากความที่เกรงว่า Ge จะก่อพิษ เนื่องจากเป็นธาตุที่เราไม่คุ้นเคย จึงมีการทดสอบการเกิดพิษในหนู โดยใช้ขนาดความเข้มข้นสูงกว่าที่มีในเห็ดหลินจือ 1000 เท่า ผลปรากฎว่า นอกจากไม่เป็นพิษแล้ว ยังช่วยกำจัดพิษด้วย โดยออกซิเจนรอบสารเยอมาเนียมจะพาธาตุโลหะที่เป็นพิษ เช่น แคดเมียม ปรอท และสารก่อมะเร็งอย่างอื่นไปกำจัดทิ้งพร้อมกับสารเยอมาเนียมส่วนเกิน ร่างกายจึงปลอดภัยต่อการตกค้างของโลหะหนัก
ทำไมรักษาได้หลากหลายโรค?
เมื่อคิดถึงเบต้าแคโรทีน ที่มีการสังเคราะห์นำ
เบต้าแคโรทีนเดี่ยวๆ ไปทดลองรักษาโรคแล้วไม่ได้ผล กลับเป็นพิษภัย เนื่องจากไม่ได้สารพืชทั้งทีม ก็มาถึง หลินจือสกัด โชคดีที่สารสกัดหลินจือได้ออกมาเป็นทีม ไม่ใช่สารเดี่ยว ดังที่กล่าวว่าพบถึงกว่า 252 ชนิด
การที่สารออกฤทธิ์หลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่กลูแคน ไตรเตอร์พีนอยด์ สเตียรอยด์พืช SOD อดีโนซีน ตลอดจนเยอมาเนียม ทำให้ทีมงานออกฤทธิ์ค่อนข้างครอบจักรวาล ได้อย่างน่าอัศจรรย์ในผลิตผลแห่งธรรมชาตินี้
Adaptogen ของGe และสเตียรอยด์ธรรมชาติในหลินจือ ยังช่วยในโรคภูมิเพี้ยน เช่น SLE, โคร์น (crohn?s disease) ลำไส้อักเสบ ถ่ายเป็นเลือด โรคหนังแข็งที่มีอาการผิวหนังหนาตึง หดรัดใบหน้า จนเกิดลักษณะปากเล็กจมูกหดผิวหนังเป็นสีดำคล้ำ เป็นต้น
ตลอดจนอาการหูอื้อ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่, มือสั่น เดินส่าย กัดปากตัวเอง
ผู้ใดควรใช้เห็ดหลินจือ
จากสรรพคุณที่มีมากมายทั้งในด้านป้องกันและบำบัดรักษา เห็ดหลินจือแดงจึงเหมาะกับโรคของผู้สูงอายุและวัยก่อนสูงอายุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดอุดตันในสมองและหัวใจ ไขมันในเลือดสูง โรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ หอบหืด อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ โรคไตเรื้อรัง โรคตับอักเสบ รวมทั้งใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ชะลอความแก่
เห็ดหลินจือแดงจากธรรมชาติกับจากโรงเพาะเลี้ยง
ในสมัยก่อน เห็ดหลินจือจะมีอยู่แต่ในธรรมชาติตามป่าหรือตามเขา แต่ปัจจุบันสามารถปลูกได้ในโรงเพาะเลี้ยง ภายใต้การควบคุมสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตทั้งอุณหภูมิ แสงแดด และความชื้น จึงทำให้สามารถรักษาสรรพคุณและตัวยาไว้ได้อย่างครบถ้วน รวมทั้งเก็บเกี่ยวเมื่อดอกเจริญเติบโตเต็มที่ได้ ส่วนเห็ดหลินจือที่โตตามธรรมชาติอาจไม่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีแมลงสัตว์กัดแทะหรือขึ้นรา จึงมักมีคุณภาพและสารสำคัญด้อยกว่าเห็ดเพาะเลี้ยง
รูปแบบของเห็ดหลินจือแดงที่ใช้รับประทาน
เห็ดหลินจือสามารถนำมาบริโภคได้หลายรูปแบบ คือ
1. ยาต้มแบบโบราณ โดยนำเห็ดหลินจือแห้งที่ฝานแล้วใส่หม้อต้มและเคี่ยว แล้วเอาน้ำมาดื่ม วิธีนี้อาจจะยุ่งยากและไม่สะดวก
2. เนื้อเห็ดหลินจือบดเป็นผงบรรจุแคปซูล
- หากไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อหรือเก็บไม่ถูกวิธี อาจทำให้มีเชื้อราปนเปื้อนได้
- วิธีนี้จะมีความเข้มข้นน้อยกว่าแบบสารสกัด และดูดซึมได้ยากกว่า
3. สารสกัดจากเห็ดหลินจือบรรจุแคปซูล เป็นวิธีที่ดีที่สุด
- ได้สารสกัดที่เข้มข้นและรักษาสรรพคุณของสารได้ดีกว่า
- ดูดซึมและออกฤทธิ์ได้ดีกว่า
- มีมาตรฐานการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย
ปัจจุบันมักนิยมบริโภคแบบเม็ดแคปซูล เพราะสะดวกและ พกพาได้ แต่ควรเลือกชนิดที่เป็นสารสกัดจากเห็ดหลินจือเท่านั้น
กินตอนไหนดี
เวลา ที่เหมาะสม คือ ตอนเช้าขณะท้องว่าง ดื่มน้ำมากๆ การมีวิตามินซีร่วมด้วย จะช่วยเพิ่มสรรพคุณ หากลืมก็ใช้เวลาอื่นได้ แต่ให้งดใช้ในผู้ที่ต้องกินยากดภูมิต้านทาน เช่น เป็น SLE หรือผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะอยู่
ควรเริ่มอย่างช้าตั้งแต่อายุ 30 ปี เป็นต้นไป เนื่องจากต่อมไทมัส ซึ่งสร้างภูมิต้านทานเริ่มชะลอการทำงาน
ผลข้างเคียงมีไหม
เมื่อเริ่มกินใหม่ ๆ บางคนอาจมีอาการท้องเสีย ซึ่งอธิบายว่าเป็นเสมือนการขับสารพิษออกจากร่างกาย มักเป็นอยู่ 2-3 วันก็หาย
ความ รู้สึกผิดปกติที่อาจพบในผู้บริโภคครั้งแรก คือ ไข้ ไม่สบาย อธิบายว่า Ge ซึ่งละลายน้ำ จะพาสารพิษออกทางปัสสาวะในช่วง Detox นี้ อาจพบว่า 3% ของผู้ใช้มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง นอนไม่หลับ อาจรู้สึกเหมือนเป็นไข้ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าตื่นกลัว เพราะเป็นตัวชี้บ่งว่าการรักษามาถูกทาง เพราะเป็นสัญญาณของการหายป่วย จากการที่ Ge ทำให้อัตราเผาผลาญเพิ่ม ทำนองเดียวกับการกินกระเทียมหรือโสม แล้วร้อนวูบวาบ
นอก จากนี้อาจมีอาการอื่น ๆ เช่น เวียนศีรษะ ปวดเมื่อย คันตามผิวหนัง ปัสสาวะบ่อย วูบวาบ อาการเหล่านี้เกิดเนื่องจากเห็ดหลินจือช่วยขับสารพิษต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ให้ออกทางระบบขับถ่ายทุกระบบของร่างกาย เช่นปัสสาวะ อุจจาระ ผิวหนัง เหงื่อ เป็นต้น มักมีอาการไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องหยุดกิน แต่ควรดื่มน้ำมาก ๆ
ในด้านความเป็นพิษ พบว่าเห็ดหลินจือมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายจากการรับประทานนาน ๆ
จากข้อมูลของแต่ละกลุ่มสารสำคัญที่กล่าวมาแล้ว จากการใช้มากว่า 2000 ปี?จากการได้รับการยอมรับกว้างขวางมากขึ้น จนเป็นสากล?แม้กระทั่ง Ge ที่มากเกินยังกลายเป็นคุณในการขับโลหะหนัก คุณสมบัติ Adaptogen ก็คือตัวปรับสมดุลธรรมชาติ ทำให้หลินจือถูกจัดอันดับเป็นสมุนไพรประเภทดี 1
ดี 1หมายถึง มีสรรพคุณที่ระบุหนึ่ง ใช้ขนาดสูงได้โดยปลอดภัยหนึ่ง ใช้เป็นระยะยาวนานได้อีก 1 เทียบได้กับยากลุ่มวิตามิน เมลาโทนินและโสม
ดี 2 หรือปานกลาง หมายถึง มีสรรพคุณรักษาโรคเฉพาะได้ แต่หากใช้ระยะยาวอาจมีพิษสะสม เช่น กลุ่มยาปฎิชีวนะ
ดี 3 หมายถึง มีทั้งสรรพคุณและพิษในเวลาเดียวกัน เช่น ยารักษามะเร็งกลุ่มคีโม
น่าเสียดายที่เขาห้ามเมลาโทนินเป็นเสริมอาหารในเมืองไทย
Ge ละลายน้ำถูกขับออกทางปัสสาวะ จึงไม่เกิดการตกค้างสะสม มีงานวิจัยที่ทำอย่างมีมาตรฐาน ซึ่งยึดแนวทางของกระทรวงสวัสดิการประเทศญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัดยืนยันว่า Ge 132 มีความปลอดภัย ถึงแม้จะบริโภคสูงถึงวันละ 10 กรัม ก็ไม่พบอันตราย ไม่เป็นพิษและไม่รบกวนระบบสืบพันธุ์
โดยสรุป
เห็ด หลินจือจัดเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าสูง มีผลทางการรักษาโรคหลายชนิดและบรรเทาอาการของโรคได้มากมาย มีการค้นคว้าวิจัยทั้งในด้านเภสัชวิทยา การทดลอง และการศึกษาทางคลินิกจนแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ต่างก็ยอมรับในคุณค่า จึงไม่เป็นที่สงสัยว่าเหตุใดเห็ดหลินจือจึงคงความเป็นอมตะและมีผู้นิยมใช้ กันมานานกว่า 2000 ปีจวบจนถึงปัจจุบัน
เรียบเรียงโดย : นพ.นิวัฒน์ ศิตวัฒน์
อ้างอิงจาก http://www.mmc.co.th/