เห็ดฟางหรือเห็ดบัว ดอกสดของเห็ดจะมีวิตามินซีสูงมาก แต่ไม่ควรรับประทานสด เพราะมีสารที่ไปยับยั้งการดูดซึมอาหารของระบบย่อยอาหาร ถ้ารับประทานเป็นประจำจะช่วยลดการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ ช่วยทำให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น
เห็ดฟางประกอบด้วยกรดอะมิโนสำคัญหลายชนิด วิตามิน และเกลือแร่ นอกจากนี้เห็ดฟางมีสาร vavatoxins ช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ช่วยลดความดันโลหิตและโรคหัวใจได้ เห็ดฟางยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิดทั้ง ยำ ต้มยำ ผัดน้ำมัน หากได้เห็ดฟางสดที่ไม่ฉ่ำน้ำมาประกอบอาหารยิ่งทำให้รสชาติดียิ่งขึ้นอีกมาก
คุณค่าอาหาร
เห็ดฟาง 100 กรัม ให้พลังงาน 35 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย
- โปรตีน 3.2 กรัม
- ไขมัน 0.2 กรัม
- คาร์โบไฮเดตร 5.0 กรัม
- แคลเซียม 8 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม
- เหล็ก 1.1 มิลลิกรัม
- ไนอะซิน 3 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 7 มิลลิกรัม
ข้อมูลทั่วไปของเห็ดฟาง
เห็ดฟางมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Volvariella volvacea ZBull. Ex Fr.) Sing. และชื่อสามัญว่า Straw Mushroom และมีชื่อเรียกอื่นอีกว่า เห็ดบัว ภาคอีสานเรียกเห็ดเฟียง เห็ดฟางมีถิ่นกำเนินอยู่ในประเทศจีน มีลักษณะมีเยื่อหุ้มเป็นกระเปาะคล้ายถ้วยรองรับฐานเห็ดเรียกว่า ผ้าอ้อมเห็ด เมื่อหมวกเห็ดเจริญเติบโตเต็มที่จะกางออกคล้ายร่ม ด้านบนของหมวกเห็ดสีเทาอ่อนหรือเทาเข้ม ผิวเรียบและอาจมีขนละเอียดคลุมอยู่บาง ๆ คล้ายเส้นไหม ด้านล่างมีครีบดอกบาง ๆ ก้านดอกสีขาว เนื้อในแน่นละเอียด ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมในประเทศไทยหลายจังหวัด เช่นสระบุรี นครนายก อยุธยา นครราชสีมา ซึ่งสามารถเพาะได้ตลอดทั้งปี
อ้างอิงจาก : หนังสือเมนูเห็ดเพื่อสุขภาพ โดยสำนักพิมพ์ ไพลินบุ๊คเน็ต จำกัด (มหาชน) โดยภัทรกานต์ บุพการีพิทักษ์