หลินจือ กับ 5 ระบบหลักของร่างกาย

เห็ดหลินจือ กับ 5 ระบบหลักของร่างกาย (5 main systems of body)

     เห็ดหลินจือ เป็นสมุนไพรที่ทรงคุณค่าทางเภสัชวัตถุ เป็นสมุนไพรที่ช่วยเสริมสุขภาพ และเป็นสมุนไพรที่ช่วยป้องกันความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในระบบต่างๆของร่างกายได้ สรรพคุณของเห็ดหลินจือ ไม่ได้รักษาโรค แต่เห็ดหลินจือ เป็นสมุนไพรที่ช่วยให้ร่างกายของเราเองเกิดพลังความสามารถจัดการกับโรคหรือความผิดปกติต่าง ๆ เหล่านั้นได้เอง เราพบว่า จากร่างกายของเราและสภาวะแวดล้อมภายนอกเป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำเอาพลังบำบัดออกมาใช้ได้ เห็ดหลินจือเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่เปิดประตูให้พลังบำบัดวิเศษของ

ร่างกายเราสามารถออกมาจัดการกับโรค หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ ร่างกายของเราประกอบด้วยระบบใหญ่ ๆ ที่สำคัญ 5 ระบบ ซึ่งหากเกิดความผิดปกติขึ้นในระบบใดระบบหนึ่งหรือหลาย ๆ ระบบพร้อม ๆ กัน ก็จะส่งผลให้ร่างกายของท่านเกิดโรค หรือความผิดปกติขึ้นได้ เราพบว่า หากเรารับประทานสารอาหารใด ๆ ก็ตามเข้าสู่ร่างกาย และสารอาหารนั้นมีผลดีต่อทั้ง 5 ระบบ ในแง่ของการฟื้นฟูให้ระบบกลับเข้าสู่ภาวะปกติหรือ ทำให้ 5 ระบบ นี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายก็จะปราศจากโรค หรือความผิดปกตินั้น ๆ
เห็ดหลินจือ มีสารอาหารที่มีผลต่อทั้ง 5 ระบบ ในแง่ของการฟื้นฟู (Revitalization) และเสริมประสิทธิภาพดังกล่าว ซึ่งเราสามารถอธิบายได้ในเชิงเภสัชวิทยา (Pharmacology) ถึงการออกฤทธิ์ของเห็ดหลินจือต่อ 5 ระบบ ดังกล่าวต่อไปนี้

ระบบที่ 1 ระบบภูมิต้านทาน
    ประเทศต้องมีทหารในการป้องกันเพื่อไม่ให้ศัตรูรุกรานฉันใด ร่างกายก็ย่อมต้องการผู้ปกป้องคุ้มครองจากเชื้อโรคฉันนั้น ระบบภูมิคุ้มกันของร่างจะคอยจัดการกับเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้าสู่ภายในร่างกาย โดยการอาศัยเม็ดเลือดขาวเป็นทหารที่ทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เหล่านั้น เมื่อร่างกายเรารับเชื้อโรคเข้าไป ร่างกายจะส่งเม็ดเลือดขาวไปจัดการกับเชื้อโรคที่ปนเปื้อนยังส่วนนั้น ๆ จึงช่วย ให้เรามีอาการดีขึ้น แต่ถ้าหากร่างกายมีเม็ดเลือดขาวไม่เพียงพอ (ซึ่งคนปกติควรมีจำนวนเม็ดเลือดขาวสูงถึง 6,000 ตัวต่อหนึ่งลูกบาศก์มิลลิเมตร) อาการต่างๆก็จะหายช้าหรือไม่หายกลายเป็นสภาวะเกิดโรค และลุกลามจนเรากลายเป็นผู้เจ็บป่วยในที่สุด เช่น ในรายผู้ที่เป็นเบาหวาน แผลที่เท้าเน่าถึงกับต้องตัดขาเพราะร่างกายมีเม็ดเลือดขาวต่ำไม่สามารถจัดการกับเชื้อโรคที่บาดแผลได้ ในผู้ที่มักเป็นหวัด เจ็บคอ ต่อมทอมซิลอักแสบ (Tonsillitis) บ่อยๆย่อมแสดงว่าร่างกาย มีเม็ดเลือดขาวต่ำเช่นกัน จึงไม่สามารถจัดการกับเชื้อโรคได้ เลยมักเป็น ๆหาย ๆ จนถึงขึ้นต้องตัดต่อมทอมซิล ซึ่งเป็นการไม่สมควร เพราะต่อมทอมซิลเป็นด่านแรกที่จัดการกับเชื้อโรคก่อนผ่านเข้าสู่ร่างกายแม้แต่โรคที่น่ากลัว เช่น โรคมะเร็ง (Cancer) ซึ่งเป็นโรคที่ไม่มีเชื้อโรค แต่เกิดจากการที่เซลล์ของร่างกายเกิดการกลายพันธุ์และขยายตัวเติบโตลุกลามอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแย่งอาหารจากร่างกาย จนเราขาดอาหารและเสียชีวิตลง เม็ดเลือดขาวมีหน้าที่คอยจัดการกับเซลล์มะเร็งเหล่านั้น ถ้าร่างกายมีเม็ดเลือดขาวสูงเพียงพอ แต่ถ้าสาเหตุการเกิดมะเร็งรุนแรง ทั้งจากปัจจัยภายใน คือ ร่างกายบกพร่อง มีเซลล์เม็ดเลือดขาวไม่เพียงพอ หรือจากปัจจัยภายนอก คือ ร่างกายได้รับสารก่อมะเร็ง ในปริมาณที่สูงมากจนเม็ดเลือดขาวของร่างกายไม่สามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้ก็จะเกิดมะเร็งและพัฒนาเข้าสู่ระยะสุดท้าย ลุกลามไปทั้งร่างกาย โดยผ่านระบบน้ำเหลืองและทำให้เราเสียชีวิตในที่สุด ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องก็เช่นกัน ไวรัสเอดส์ (HIV : AIDS) จะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว จนร่างกายมีเม็ดเลือดขาวในปริมาณที่ต่ำมาก ไม่สามารถจัดการกับเชื้อโรคต่างๆ ที่ฉวยโอกาสเข้ามาสู่ร่างกายได้ เช่น วัณโรค (TB : Tuberculosis) ,ไวรัสอื่น ๆ หรือแม้แต่เป็นหวัดเพียงเล็กน้อย ก็อาจลุกลามจนเสียชีวิตได้ ผู้ป่วยอีกกลุ่มหนึ่ง คือผู้ป่วยภูมิแพ้ ( Allergy ) มีสาเหตุจากเซลล์เม็ดเลือดขาวเช่นกัน เราพบว่า ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ร่างกายจะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ดีคอยเตือน ไม่ให้รับสิ่งแปลกปลอมหรือสารที่ตัวเราแพ้ กล่าวคือ เมื่อร่างกายรับสารที่แพ้ เซลล์เม็ดเลือดขาวจะแตกและหลั่งสาร อีสตามีน ซึ่งมีผลทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น น้ำมูก น้ำตาไหล มีผื่นคัน แผลพุพอง บวม เป็นหอบหืด นานวันเข้าถ้าร่างกายเราไม่ได้บำบัดรักษา อาจถึงขั้นช็อก หัวใจวายเสียชีวิตได้จะเห็นได้ว่า เห็ดหลินจือมีผลไปเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวแก่ร่างกาย ให้มีปริมาณที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ร่างกายจัดการกับอาการผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน มีผลดีต่อผู้ที่เป็นภูมิแพ้ เบาหวานที่แผลหายยาก เป็นหวัดเจ็บคอบ่อย ช่วยป้องกันหรือลดอัตราการเกิด โรคมะเร็ง และยังช่วยให้ผู้ป่วยเอดส์แข็งแรงและดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างคนปกติ เรายังพบอีกว่า ในเห็ดหลินจือ มีสารที่เป็นพิษต่อเซลล์เนื้องอกที่ก่อตัวในร่างกาย ป้องกันไม่ไห้มันเติบโต และกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง
    ได้มีข้อน่าพึงสังเกตอยู่ประการหนึ่ง คือกลุ่มผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ตัวเอง คือ โรคที่เม็ดเลือดขาวของร่างกายผิดปกติ แทนที่จะทำลายเชื้อโรคกลับทำลายร่างกายของเราเสียเอง เช่น ผู้ป่วยข้ออักเสบแบบรูมาตอยด์ (Rheumatoid) เม็ดเลือดขาวจะทำลายข้อจนเกิดการอักเสบและปวดมากขึ้น ผู้ป่วย SLE หรือ ลูปุสเม็ดเลือดขาวจะทำลายหัวใจ ตับ ไต และเซลล์ต่างๆในร่างกาย ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน เห็ดหลินจือจะมีผลไปปรับให้เซลล์เม็ดเลือดขาว รู้หน้าที่ที่ถูกต้องว่าจะต้องทำอะไร เช่น หยุดการทำลายร่างกาย และฟื้นฟูอาการเจ็บป่วย จึงช่วยให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอาการทุเลาขึ้นได้ ฉะนั้นเห็ดหลินจือไม่เพียงเพิ่มเม็ดเลือดขาวแต่กลับสามารถปรับให้เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพและรู้หน้าที่ที่ถูกต้องได้ นั่นเป็นพลังพิเศษประการหนึ่งที่หลินจือมอบให้ร่างกาย

ระบบที่ 2 ระบบหลอดเลือด
    ร่างกายประกอบด้วยหลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ และหลอดเลือดฝอย คอยส่งอาหาร สารเคมี อ็อกซิเจน ไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญต่าง ๆของร่างกาย เช่น หัวใจ สมอง ตับและไต และนำของเสียขับออกจากร่างกายในรูปของปัสสาวะและเหงื่อ เมื่อเราอายุมากขึ้นหรือได้รับสารอาหารที่มีอันตรายต่อ หลอดเลือด อาทิ สารอนุมูลอิสระที่เป็นผลพลอยได้จากการเผาผลาญอาหารหรือจากการหายใจ ของเราเอง บุหรี่ แอลกอฮอล์ แม้แต่อาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งจะส่งผลให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัวไม่ยืดหยุ่น ความสามารถในการ นำเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกายย่อมน้อยลง ประกอบกับการที่มีไขมันหรือ เกล็ดเลือดมาอุดตัน ก็จะทำให้เส้นเลือดตีบตัน ทำให้เกิดภาวะบกพร่อง เช่น ความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะ เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองตีบ เส้นเลือดแตกในสมอง อาจลุกลามจนเป็น อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหัวใจขาดเลือด โรคกล้ามเนื้อหัวใจโต ไตพิการ เซลล์ตับเสีย สมรรถภาพทางเพศเสื่อม เนื่องจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยง อวัยวะส่วนนั้นไม่ขยายตัว เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดดำ เช่น ริดสีดวงทวาร เส้นเลือดขอด ผิวเราจะเหี่ยวย่น ไม่เต่งตึงและแก่ตัวเร็วกว่าปกติ ผมก็จะร่วง เห็ดหลินจือ มีผลขยายหลอดเลือด ลดการทำลายของอนุมูลอิสระ มีผลลดการเกาะตัวของไขมัน โคเลสเตอรอลหรือเกล็ดเลือดในหลอดเลือด

ระบบที่ 3 ระบบประสาท
    การทำงานของอวัยวะสำคัญต่าง ๆ มีศูนย์สั่งงานจากสมอง โดยผ่านระบบประสาทโยงใยไปทั่วร่างกายสมองมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์สมองมากกว่าล้านเซลล์ ทำงานด้วยสารสื่อประสาท มีหลอดเลือดนำอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยง ซึ่งหากเกิดความผิดปกติของสารสื่อประสาท หรือระบบหลอดเลือดที่มาเลี้ยงตีบตัน ย่อมส่งผลให้การทำงานของสมองบกพร่องเกิดภาวะผิดปกติ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต ชักหมดสติ ปลายแขนขาชา กล้ามเนื้อแขนขาลีบ ความจำเสื่อม (Alzheimer) โรคพาร์กินสัน (พาร์กินสัน Parkinsomism) โรคหย่อนสมรรถภาพ (Erectile Dysfunction : ED) และที่สำคัญคือ ความคิดอ่านบกพร่องสติปัญญาลดประสิทธิภาพลง จนถึงภาวะความเครียด ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมะเร็งในที่สุด เห็ดหลินจือจัดเป็นสาร ADAPTOGEN ที่สามารถลดความเครียดในสมอง และเสริมสร้างสารสื่อประสาทให้แก่สมอง กระตุ้นประสาท และยังสามารถปรับให้การทำงานของสมองกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ ช่วยลดความพิการที่เกิดจากสมองเสื่อม และช่วยให้ระบบหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองทำงานดีขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองให้สูงขึ้นถึงหนึ่งเท่าครึ่ง ผู้ที่รับประทานหลินจือเป็นประจำระดับความเครียดจะลดลง ช่วยลดปริมาณการใช้ยาคลายเครียดได้

ระบบที่ 4 ระบบต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อ เป็นต่อมที่หลั่งสารเคมี หรือฮอร์โมนออกสู่ร่างกายโดยไม่ผ่านท่อต่างในร่างกาย เช่น ต่อมไทรอยด์ ซึ่งหลั่งฮอร์โมนไทรอกซิน ที่มีผลควบคุมระบบการเผาผลาญของร่างกาย หรือ ต่อมใต้สมองที่หลั่ง GROWTH HORMONE ที่เร่งการเจริญเติบโตในเด็กและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในผู้ใหญ่ ส่วนต่อมที่มีเฉพาะในผู้ชาย คือ ต่อมลูกหมาก มักผิดปกติในผู้ชายวัย 40 ปีขึ้นไป ภาวะต่อมลูกหมากโต ส่งผลให้เกิดปัสสาวะขัด ปวดอั้นปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด อาจรุกรามเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก มีผลรบกวนการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและไตได้ในผู้หญิงก็เช่นกันรังไข่จะหลั่งฮอร์โมน ซึ่งจะลดการหลั่งลงเมื่อเข้าสู่วัยทอง ทำให้ไม่สบายตัว ร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ไขมันอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ เป็นสาเหตุของการ เสียชีวิตด้วยหัวใจวายในวัยอันไม่สมควร ในระยะยาวภาวะฮอร์โมนเพศต่ำจะมีผลทำให้เกิด โรคกระดูกพรุน เจ็บปวดหลัง ข้อต่อและกระดูก ส่งผลให้เกิดความพิการในวัยสูงอายุได้
ยังมีต่อมไร้ท่ออีกหลายต่อม เช่น ต่อมหมวกไต ต่อมไทมัส ต่อมพาราไทรอยด์ ที่มองข้ามไปไม่ได้ คือ ตับอ่อนที่หลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ช่วยนำน้ำตาลจากระบบเลือดไปใช้ หากเกิดความผิดปกติ ย่อมส่งผลให้เกิดเบาหวาน เป็นสาเหตุนำไปสู่โรคหัวใจ โรคไตวาย ความพิการการจากการถูกตัดขา เพราะแผลไม่หาย และตาบอดเพราะเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตาถูกทำลายในหลินจือ มีสารสำคัญที่ช่วยทำให้การทำงานของต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ของร่างกายสมดุลได้ คือ หากต่อมไร้ท่อทำงานมากเกินไปสารจาก เห็ดหลินจือ จะไปลดการทำงานให้กลับสู่ภาวะปกติ แต่หากต่อมไร้ท่อทำงานน้อยเกินไป เห็ดหลินจือ กลับไปกระตุ้นให้ต่อมเหล่านั้นทำงานได้ดังธรรมชาติที่ร่างกายกำหนดมา เราพบว่าในผู้เป็นเบาหวาน เมื่อรับประทานเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1-2 เดือนสภาพของร่างกายจะค่อย ๆ ดีขึ้น ลดสภาวะการขึ้น ๆ ลง ๆ ของน้ำตาล และลดความพิการจากแผลที่ไม่หาย อีกทั้งยังสามารถป้องกันตาบอดได้ ที่สำคัญ คือ หลินจือมีสารที่ช่วยให้ต่อมใต้สมองหลั่ง GROWTH HORMONE ขณะที่เราหลับช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้ ดังที่เราเรียกว่า REVITALIZATION จึงช่วยคืนความเป็นหนุ่มสาวให้แก่ผู้ที่รับประทานเป็นประจำ

ระบบที่ 5 ระบบเผาผลาญอาหาร
    เป็นระบบใหญ่ที่มีความสำคัญและยังเป็นสาเหตุของความผิดปกติต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น โรคหัวใจ ไตวาย ตับแข็ง ภาวะขาดสารอาหาร โรคผิวหนัง เมื่อเราอายุมากขึ้นหรือเกิดความผิดปกติในการเผาผลาญอาหารหรือเกิดจากการรับประทานอาหารไม่สมดุล ก็จะเกิดความผิดปกติขึ้น เช่น ร่างกายจะได้รับน้ำตาลจากการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต และนำไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ หากเกิดความผิดปกติกับระบบนี้ อาทิ ตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมน อินซูลีน มาเผาผลาญน้ำตาลให้เป็นพลังงานได้ร่างกายก็จะขาดพลังงาน เรียกว่า โรคเบาหวาน อีกความผิดปกติหนึ่ง คือ โรคเก้าท์ เกิดจากร่างกายไม่สามารถขับกรดยูริค กรดยูริคก็จะไปสะสม ตามข้อ ทำให้เกิดการอักเสบบวมแดง การแก้ไขที่ถูกต้อง ควรแก้ที่ต้นเหตุของอาการ คือ ทำให้ร่างกายสามารถขับกรดยูริคออกไปได้ ภาวะขาดวิตามินหรือเกลือแร่ก็จะก่อให้เกิดความผิดปกติ เช่น ผมร่วงผิวพรรณเหี่ยวย่นเร็ว เครียดง่าย ไมเกรน หรือภาวะที่ร่างกายมีไขมันในเลือดสูงเกิน ก็จะไปสะสมอยู่ผิดที่ เช่นในท่อน้ำดี ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะนิ่วในถุงน้ำดี เห็ดหลินจือประกอบด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล สูงพอเพียงที่จะเสริมภาวะขาดแคลนต่าง ๆ ของร่างกาย และยังมีสารอีกมากมายที่ช่วยแก้ไขระบบเผาผลาญอาหารที่ผิดปกติการรับประทาน เห็ดหลินจือ สามารถช่วยลดความรุนแรงของภาวะโรคเก๊าท์ เบาหวาน และภาวะขาดสารอาหารต่าง ๆ นอกจากนี้เรายังพบฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่สำคัญมากในหลินจือที่ช่วยกระตุ้นให้วิตามินดี ทำหน้าที่ดูดจับแคลเซียมเข้าสู่กระดูก ช่วยให้เซลล์กระดูกแข็งแรง ป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้ กล้ามเนื้อหัวใจของมนุษย์เราเป็นกล้ามเนื้อที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เราพบว่าผู้ที่รับประทานเห็ดหลินจือเป็นประจำ จะมีกล้ามเนื้อหัวใจที่แข็งแรง โอกาสที่ผู้ป่วยนั้นจะเสียชีวิตจากหัวใจวายมีน้อยมากการรับประทานหลินจือพร้อมกับการปฏิบัติตนหรือการใช้ชีวิตที่เหมาะสม นั่นคือการเลือกรับประทานอาหารที่สมดุลและมีคุณค่า ปราศจากสารปนเปื้อน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หาวิธีลดความเครียด เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรง ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขและพบกับความมหัศจรรย์ของสมุนไพรที่ธรรมชาติมอบให้แก่มวลมนุษย์
สมุนไพรที่เป็นกุญแจไขพลังบำบัดอันทรงประสิทธิภาพของร่างกายเราเองนั่นคือ "เห็ดหลินจือ"


บทความเห็ดหลินจือ เขียนโดย เภสัชกร นิติ โตชนันท์

(ที่มา: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee&month=23-08-2009&group=6&gblog=6)

© ฟาร์มเห็ด Bassbio. All Rights Reserved.

Login Form

Bassbio